18 ม.ค.61
"บล.กสิกรไทย" ปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,835 จุด จากเดิม 1,800 จุด หลังเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่อง
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 61 เป็น 1,835 จุด จากเดิมที่ 1,800 จุด หลังเศรษฐกิจในประเทศเติบโตต่อเนื่อง และจะมีการเลือกตั้ง ช่วยหนุนเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าลงทุน ชี้หุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนใจลงทุนมากสุด ยอดปล่อยสินเชื่อโต ค่า P/E และ P/BV ต่ำ
ทั้งนี้ บริษัทปรับวิธีการกำหนดเป้าหมาย ดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยวิธี bottom up approach ซึ่งเป็นวิธีที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงราคาเป้าหมายของหุ้นแต่ละบริษัทได้ชัดเจนที่สุด ทำให้เป้าหมายดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1835 จุด คิดเป็น Forward PER ที่ 16.4 เท่า ซึ่งถือว่ามี P/E ที่สูง แต่เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวดีที่สุดในรอบหลายปี สถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีความชัดเจนขึ้นหลังการเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาลงทุนในตลาดไทยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า เศรษฐกิจในประเทศจะมีโอกาสขยายตัวถึง 4.0% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องจากปี 2560 ประกอบกับสถานะทางการเงินของประเทศที่แข็งแกร่ง ตัวเลขการเกินดุลบัญชีและการค้าที่คาดว่าจะสูงถึง 7.7% และ 5.8% ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงถึง 45.2% ของ GDP และ หากประกาศ พ.ร.บ. EEC ได้ในเดือน ก.พ.นี้ จะเป็นปัจจัยทำให้กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ซึ่งหากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าชัดเจน มีโอกาสทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1,976 จุดได้ แต่หากไม่มีการเลือกตั้ง คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวต่ำกว่า 1,700 จุด ได้ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนการเลือกตั้งได้ภายในไตรมาส 1/61
"ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับกว่า 1,800 จุด นั้นถือว่ามีความแข็งแรง จากมีปัจจัยสนับสนุน ซึ่งเศรษฐกิจโตดี ดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลการค้าเกินดุล ทุนสำรองของประเทศอยู่ระดับที่สูง ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นช้า ทำให้โอากสที่เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนได้ และยิ่งหากประกาศพ.ร.บ. EEC และมีความชัดเจนเลือกตั้งยิ่งทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามากขึ้น "นายประกิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์น่าลงทุนสุด เพราะ ปัจจุบันมี P/E ที่ต่ำ เพียง 10 เท่า และมี P/BV ที่ต่ำ เพียง ด้านมุมมองต่อลุ่ม 1.1 เท่า และจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้การลงทุนและการบริโภคที่มีแนวโน้มดีที่สุดในรอบหลายปี จะส่งผลให้เกิดความต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ โดยคาดกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง โต 10 % หรืออยู่ที่ 2.25 แสนล้านบาท
นอกจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีความน่าสนใจแล้ว กลุ่มหุ้นที่อิงกับประเด็นการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและมี Upside ที่สูงกว่าตลาดรวม และ สูงกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน จะเป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศอีกด้วย หุ้นกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ STEC , TICON , BBL , ROBINS , CPN , BEAUTY , ORI และ TRUE
"ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงนั้น ถือว่าเป็นไปตามที่บริษัทคาดที่เพิ่ม 3.4 % ส่งผลทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก หุ้นที่จะได้ประโยชน์ จึงอยู่ในกลุ่มค้าปลีก และจากปีนี้เป็นปีการเฉลิมฉลองรัชกาลใหม่ทำให้มีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ มากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีกเช่นกัน " นายประกิต กล่าว
ข้อมูล กรุงเทพธุรกิจ 18 ม.ค.61